สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระฯ นำร่องพื้นที่ 3 จังหวัด “ปลูกข้าวโพดอาหารสัตว์แทนการทำนาปรัง” ช่วยลดการใช้น้ำมากกว่า 2 เท่า เพื่อเป็นทางเลือกในการสร้างรายได้ให้เกษตรกร โดยมีเกษตรกรกว่า 2,296 ราย สนใจเข้าร่วมโครงการฯ คาดเกษตรกรที่เข้าร่วมจะได้ผลผลิตดี มีกำไรขั้นต่ำไร่ละ 3,500 - 4,000 บาท ซึ่งสูงกว่าการทำนาที่สร้างรายได้ไร่ละ 800-1,000 บาท
เมื่อวันที่ 15 - 16 พฤศจิกายน 2565 นายกฤษฎา บุญราช ประธานสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ ได้ลงพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดอุดรธานี เพื่อให้แนวทางการสนับสนุนโครงการปลูกข้าวโพดอาหารสัตว์หลังทำนาปี โดยนายกฤษฎา ระบุว่า ในปัจจุบันตลาดกำลังขาดแคลนข้าวโพดอาหารสัตว์ อันเนื่องมาจากผลของสงครามรัสเซีย-ยูเครนซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญของโลก ในการผลิตข้าวโพดและข้าวสาลี ภาวะสงครามทำให้ไม่สามารถสร้างผลผลิตได้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ส่งผลให้ราคาข้าวโพดอาหารมีแนวโน้มสูงขึ้นเป็นระยะๆ ในขณะที่ประเทศไทยต้องนำเข้าข้าวโพดอาหารสัตว์มาจากต่างประเทศ เนื่องจากประเทศไทยสามารถสร้างผลผลิตได้เพียง 4 ล้านตัน ต่อปี ในขณะที่มีความต้องการไม่ต่ำกว่า 8 ล้านตันต่อปี ดังนั้นในปี 2565 สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระฯ จึงได้เริ่มทำโครงการ “ปลูกข้าวโพดอาหารสัตว์หลังการทำนาปี” เพื่อเป็นหนึ่งทางเลือกในการประกอบอาชีพให้แก่เกษตรกรหลังฤดูการทำนา อีกทั้งการปลูกข้าวโพดใช้น้ำน้อยกว่าการทำนาถึง 2 เท่า ซึ่งจะสามารถช่วยให้เกษตรกรประหยัดการใช้น้ำในฤดูแล้งได้
นอกจากนี้เงื่อนไขสำคัญอีกประการหนึ่งที่สถาบันปิดทองหลังพระฯ ได้กำหนดไว้คือเกษตรกรที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการต้องนำเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน หรือหนังสือรับรองจากส่วนราชการว่า ที่ดินที่นำมาร่วมโครงการไม่ใช่ที่ดินป่าสงวนหรือที่ดินสาธารณะมาร่วมโครงการอย่างเด็ดขาด รวมทั้งเมื่อเสร็จสิ้นฤดูเก็บเกี่ยวข้าวโพดแล้ว ห้ามใช้วิธีการเผาทำลายตอซังข้าวโพดหรือเศษหญ้าวัชพืช เพื่อเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อม
“ขณะนี้มีเกษตรกรจังหวัดกาฬสินธุ์ ขอนแก่น และอุดรธานี ที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการกว่า 2,296 ราย โดยอยู่ระหว่างการตรวจประเมินแปลงที่มีความพร้อม เพื่อไม่ให้เกษตรกรมีความเสี่ยง ทั้งในเรื่องความเหมาะสมของดิน ปริมาณน้ำที่เพียงพอ และแรงงานที่เหมาะสมกับพื้นที่เพาะปลูก ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมโครงการได้ไม่ต่ำกว่า 2,000 ครอบครัว โดยจะเริ่มลงมือปลูกข้าวโพดหลังเก็บเกี่ยวข้าวนาปีตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 2565 เป็นต้นไป ซึ่งข้าวโพดอาหารสัตว์จะมีอายุการปลูกประมาณ 4 เดือนหรือ 120 วัน จึงสามารถเก็บเกี่ยวข้าวโพดได้ในเดือนเมษายน 2566 หากเกษตรกรสามารถ ดำเนินการได้ตามโครงการ และเงื่อนไขโดยไม่ประสบภัยธรรมชาติแล้ว คาดว่าเกษตรกรจะมีกำไร (รายได้ - ต้นทุน) อย่างต่ำประมาณไร่ละ 3,500 -4,000 บาท ซึ่งสูงกว่าการทำนาที่ได้รายได้เพียงไร่ละ 800-1,000 บาท” นายกฤษฎา กล่าว
นายกฤษฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดอาหารสัตว์หลังการทำนา เป็นการสืบสาน ต่อยอด และขยายผลตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ ได้ประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างประหยัดและคุ้มค่า มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีรายได้อย่างยั่งยืน ในเรื่องการคำนึงถึงสภาพภูมิสังคม และหลักการมีส่วนร่วมหรือการระเบิดจากข้างใน มาใช้ในการดำเนินงานตามโครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดอาหารสัตว์หลังการทำนา เพราะสังคมไทยยังเป็นสังคมเกษตรกรรม มีพื้นที่ทำการเกษตรมากกว่าร้อยละ 50 ของพื้นที่ทั้งประเทศ
หากการดำเนินงานตามโครงการนี้ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายแล้ว สถาบันปิดทองหลังพระฯ จะพิจารณาขยายผลโครงการไปดำเนินการในพื้นที่จังหวัดอื่นๆ ในฤดูฝนหรือเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป รวมทั้งจะให้ฝ่ายวิเคราะห์การตลาดของสถาบันฯ รวบรวมวิเคราะห์ข้อมูลพืชเศรษฐกิจ ชนิดอื่นๆ เช่น พืชตระกูลถั่ว กล้วย พืชผัก กาแฟ มะพร้าว ว่าตลาดมีความต้องการมากน้อยเพียงใด เพื่อนำรูปแบบการบริหารโครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดอาหารสัตว์มาเป็นต้นแบบ ในการดำเนินงาน โดยจะคงรูปแบบการกำหนดราคารับซื้อล่วงหน้าที่เป็นธรรมให้แก่เกษตรกร