จากพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก สู่การรวมตัวกันของเกษตรกร 15 ราย ภายใต้ “วิสาหกิจชุมชนเกษตรทฤษฏีใหม่บูหงากาโป” บ้านจำปูน ต.ท่าธง อ.รามัน จ.ยะลา พลิกฟื้นพื้นที่น้ำท่วมเปลี่ยนมาปลูกอ้อยคั้นน้ำ สร้างรายได้ กว่า 418,880 บาท
จนเมื่อปี 2567 สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายจังหวัดยะลาที่เกี่ยวข้อง จึงเข้าสนับสนุนการปลูกอ้อย ในพื้นที่ 7 ไร่ เกษตรกรเข้าร่วมจำนวน 15 ราย โดยวางแผนปลูกอ้อย 2 พันธุ์คือ สุพรรณบุรี 50 และ ศรีสำโรง แบ่งจำหน่ายอ้อย 3 รูปแบบคือ 1.ขายท่อนลำ 70% ให้กับพ่อค้านำไปคั้นน้ำขาย 2.ให้เกษตรกรในพื้นที่คั้นน้ำอ้อยสดขาย 20% 3.ทดลองการแปรรูปเป็นน้ำอ้อยพาสเจอร์ไรส์ 10% ซึ่งประสานความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา
นางตอลีเยาะ ลามอ หนึ่งในสมาชิกกลุ่มอ้อยบ้านจำปูน (บุหงากาโป) กล่าวว่า ในอดีตเคยใช้พื้นที่ตรงนี้ปลูกผักสวนครัวขาย มีรายได้ปีละ 5,000 บาท แต่พอเปลี่ยนมาปลูกอ้อย 1 ไร่ ครึ่ง ทั้งขายท่อนลำ และคั้นน้ำขายเองในชุมชน รายได้เพิ่มขึ้นมาถึง 50,000 บาท ซึ่งนับว่าอ้อยเป็นพืชที่สร้างอนาคตให้กับเกษตรกรอย่างแท้จริง
ปัจจุบัน พื้นที่ 7 ไร่ มีผลผลิตอ้อยจำนวน 59,360 ก.ก. และขายทั้งท่อนลำและคั้นน้ำสด สร้างรายได้ให้เกษตกรในพื้นที่กว่า 418,880 บาท นอกจากนี้เกษตรกรยังเกิดการเรียนรู้และพัฒนาต่อยอดด้วยการทดลองนำอ้อย 3 สายพันธุ์ที่มีจุดเด่นในแต่ละด้านมาคั้นน้ำผสมกัน อาทิ พันธุ์สายน้ำผึ้ง ที่มีกลิ่นหอม พันธุ์สุพรรณบุรี 50 ที่มีรสชาติหวาน และพันธุ์ศรีสำโรงที่ให้น้ำอ้อยจำนวนมาก ซึ่งหากทดลองแล้วเป็นที่ยอมรับของตลาด คาดว่าจะเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรมากยิ่งขึ้นด้วย
“ตอนนี้อ้อยนอกจากจะสร้างรายได้ให้คนในชุมชนแล้ว ยังดึงให้เยาวชนในพื้นที่กลับมาสนใจอาชีพทำการเกษตรกว่า 70% แล้วยังลดปัญหายาเสพติดในพื้นที่ด้วย เพราะเห็นว่าปลูกอ้อยแล้วมีอนาคต ไม่ต้องออกไปทำงานนอกพื้นที่อีกต่อไป ปัจจุบันก็มีเยาวชนที่ตกงานนำอ้อยไปคั้นน้ำขายออกบูธตามงาน ภายใต้วิสาหกิจชุมชนเกษตรทฤษฏีใหม่บูหงากาโป ก็สร้างรายได้และให้ผลตอบรับเป็นอย่างดี” นายกอเซ็ง สาและ กล่าวทิ้งท้าย
19 ก.ค. 66
10 ต.ค. 65
26 ก.ย. 65