อ้อยคั้นน้ำ เสริมอาชีพ ที่ บ้านจำปูน ต.ท่าธง อ.รามัน จ.ยะลา

จากพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก สู่การรวมตัวกันของเกษตรกร 15 ราย ภายใต้ “วิสาหกิจชุมชนเกษตรทฤษฏีใหม่บูหงากาโป” บ้านจำปูน ต.ท่าธง อ.รามัน จ.ยะลา พลิกฟื้นพื้นที่น้ำท่วมเปลี่ยนมาปลูกอ้อยคั้นน้ำ สร้างรายได้ กว่า 418,880 บาท 

        นายดุลเล๊าะ มะลี ประธานกลุ่มอ้อยบ้านจำปูน (บุหงากาโป) เล่าว่า ในอดีตคนชุมชนมีอาชีพสวนยาง ทำนาและปลูกพืชผักสวนครัว เป็นอาชีพหลัก แต่ก็ไม่พอใช้ในชีวิตประจำวัน จนมาคิดกันว่าเรามีพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก จะสามารถนำมาปรับปรุงเพื่อใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง เลยเห็นว่า “อ้อย” คือพืชที่เหมาะสมเกิดผลกระทบน้อยและสร้างรายได้เพื่อเป็นอาชีพเสริมให้กับเกษตรกรได้ 
ด้านนายกอเซ็ง สาและ รองประธานกลุ่มอ้อยบ้านจำปูน (บุหงากาโป) กล่าวเสริมว่า ในช่วงเดือนรอมฎอน ชุมชนต้องซื้ออ้อยจำนวนมากเพื่อบริโภค เลยมาคิดกันว่าชุมชนผลิตอ้อยได้เองแล้ว นอกจากจะลดการนำเข้าอ้อยจากภายนอก ยังเป็นอาชีพเสริมได้ด้วย 
“ช่วงเดือนรอมฎอนเรากินดื่มอ้อยเยอะมาก ซึ่งถ้าเราผลิตได้เองก็จะลดค่าใช้จ่ายได้เยอะ แล้วยังมีรายได้เสริมจากการขายอ้อยให้กับครอบครัวด้วย” 

จนเมื่อปี 2567 สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายจังหวัดยะลาที่เกี่ยวข้อง จึงเข้าสนับสนุนการปลูกอ้อย ในพื้นที่ 7 ไร่ เกษตรกรเข้าร่วมจำนวน 15 ราย โดยวางแผนปลูกอ้อย 2 พันธุ์คือ สุพรรณบุรี 50 และ ศรีสำโรง แบ่งจำหน่ายอ้อย 3 รูปแบบคือ 1.ขายท่อนลำ 70% ให้กับพ่อค้านำไปคั้นน้ำขาย 2.ให้เกษตรกรในพื้นที่คั้นน้ำอ้อยสดขาย 20% 3.ทดลองการแปรรูปเป็นน้ำอ้อยพาสเจอร์ไรส์ 10% ซึ่งประสานความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา 

นางตอลีเยาะ ลามอ หนึ่งในสมาชิกกลุ่มอ้อยบ้านจำปูน (บุหงากาโป) กล่าวว่า ในอดีตเคยใช้พื้นที่ตรงนี้ปลูกผักสวนครัวขาย มีรายได้ปีละ 5,000 บาท แต่พอเปลี่ยนมาปลูกอ้อย 1 ไร่ ครึ่ง ทั้งขายท่อนลำ และคั้นน้ำขายเองในชุมชน รายได้เพิ่มขึ้นมาถึง 50,000 บาท ซึ่งนับว่าอ้อยเป็นพืชที่สร้างอนาคตให้กับเกษตรกรอย่างแท้จริง 

ปัจจุบัน พื้นที่ 7 ไร่ มีผลผลิตอ้อยจำนวน 59,360 ก.ก. และขายทั้งท่อนลำและคั้นน้ำสด สร้างรายได้ให้เกษตกรในพื้นที่กว่า 418,880 บาท นอกจากนี้เกษตรกรยังเกิดการเรียนรู้และพัฒนาต่อยอดด้วยการทดลองนำอ้อย 3 สายพันธุ์ที่มีจุดเด่นในแต่ละด้านมาคั้นน้ำผสมกัน อาทิ พันธุ์สายน้ำผึ้ง ที่มีกลิ่นหอม พันธุ์สุพรรณบุรี 50 ที่มีรสชาติหวาน และพันธุ์ศรีสำโรงที่ให้น้ำอ้อยจำนวนมาก ซึ่งหากทดลองแล้วเป็นที่ยอมรับของตลาด คาดว่าจะเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรมากยิ่งขึ้นด้วย 

“ตอนนี้อ้อยนอกจากจะสร้างรายได้ให้คนในชุมชนแล้ว ยังดึงให้เยาวชนในพื้นที่กลับมาสนใจอาชีพทำการเกษตรกว่า 70% แล้วยังลดปัญหายาเสพติดในพื้นที่ด้วย เพราะเห็นว่าปลูกอ้อยแล้วมีอนาคต ไม่ต้องออกไปทำงานนอกพื้นที่อีกต่อไป ปัจจุบันก็มีเยาวชนที่ตกงานนำอ้อยไปคั้นน้ำขายออกบูธตามงาน ภายใต้วิสาหกิจชุมชนเกษตรทฤษฏีใหม่บูหงากาโป ก็สร้างรายได้และให้ผลตอบรับเป็นอย่างดี” นายกอเซ็ง สาและ กล่าวทิ้งท้าย 

ข่าวอื่นๆ

น่าน

น่าน

อุดรธานี

อุดรธานี

กาฬสินธุ์

กาฬสินธุ์

เพชรบุรี

เพชรบุรี

อุทัยธานี

อุทัยธานี

ขอนแก่น

ขอนแก่น

3 จังหวัด
ชายแดนใต้

3 จังหวัดชายแดนใต้

3 จังหวัด
ชายแดนเหนือ

3 จังหวัดชายแดนเหนือ