คืนชีวิตฝายบ้านเขวาตะคลอง ร่วมแรงซ่อมสร้างแหล่งน้ำชุมชน 2 จังหวัด

    

“ฝายน้ำล้นบ้านเขวาตะคลอง” ที่ตั้งอยู่ระหว่างเขต ต.ทุ่งทอง อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด และ ต.ชุมพลบุรี อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ คือฝายขนาดเล็กที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2530 โดยกรมพัฒนาที่ดิน เพื่อกักเก็บน้ำใช้ในการเกษตรและอุปโภคบริโภคของประชาชน 

 

แต่ตลอดกว่า 30 ปีที่ผ่านมา ฝายเสื่อมสภาพลงตามกาลเวลา เกิดการรั่วซึมและผุพัง ไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ มีสภาพชำรุดจนไม่สามารถใช้งานได้ยาวนานหลายสิบปี ชาวบ้านต้องอาศัยการถมดินกั้นน้ำชั่วคราว แต่ไม่อาจรองรับการใช้งานได้อย่างยั่งยืน จึงเกิดความเดือดร้อนทั้งด้านการเกษตร น้ำอุปโภคบริโภค รวมถึงปัญหาสัตว์เลี้ยงขาดแคลนน้ำกิน

  

ด้วยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและกรมพัฒนาที่ดิน เล็งเห็นปัญหาด้านแหล่งน้ำที่ยังไม่ถ่ายโอนให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงเห็นควรให้ สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ ที่มีประสบการณ์และความสำเร็จด้านการซ่อมแซมเสริมศักยภาพแหล่งน้ำขนาดเล็ก ด้วยวิธีการบริหารจัดการน้ำชุมชนตามแนวพระราชดำริ นำประสบการณ์และความสำเร็จที่ผ่านมา มาขยายผลในการสนับสนุนซ่อมแซมเสริมศักยภาพแหล่งน้ำ เพื่อให้ส่วนราชการสามารถถ่ายโอนแหล่งน้ำดังกล่าวให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกับประชาชนบำรุงรักษาและใช้ประโยชน์ต่อไป 

 

โดยเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ เป็นหน่วยดำเนินการสำรวจ ออกแบบ และซ่อมแซมโครงการที่ยังไม่ได้ถ่ายโอนให้ท้องถิ่น ระหว่างปี 2565–2570 รวม 3,029 โครงการ โดยกรมพัฒนาที่ดินรับผิดชอบสำรวจ 2,966 โครงการ ซ่อมแซม 734 โครงการ กรมทรัพยากรน้ำสำรวจ 59 โครงการ ซ่อมแซม 15 โครงการ และกรมชลประทานสำรวจ 4 โครงการ

 

“ฝายน้ำล้นบ้านเขวาตะคลอง” เป็นหนึ่งโครงการที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกรมพัฒนาที่ดินผ่านสถาบันปิดทองหลังพระฯ โดยมีความร่วมมือจากจังหวัดร้อยเอ็ด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อย่าง องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งทอง อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด เพื่อฟื้นฟูฝายน้ำล้นแห่งนี้อีกครั้ง โดยใช้งบประมาณ 346,585 บาท มีแรงงานจิตอาสารวม 275 แรงงาน ใช้เวลาเพียง 13 วัน จนแล้วเสร็จตามแผน สามารถเพิ่มศักยภาพการกักเก็บน้ำได้กว่า 64,000 ลูกบาศก์เมตร

 

การซ่อมแซมครั้งนี้ครอบคลุมพื้นที่รับประโยชน์กว่า 567 ครัวเรือน พื้นที่เกษตรรวม 300 ไร่ แบ่งเป็นบ้านเขวาตะคลอง ต.ทุ่งทอง อ.เกษตรวิสัย  จ.ร้อยเอ็ด พื้นที่ 150 ไร่ 459 ครัวเรือน และบ้านโนนไร่ ต.ชุมพลบุรี อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ พื้นที่ 150 ไร่ 108 ครัวเรือน  

ภายหลังการการซ่อมแซมแล้วเสร็จ ได้มีการส่งมอบโครงการฝายน้ำล้นบ้านเขวาตะคลอง ซึ่งเป็นโครงการซ่อมแซมแหล่งน้ำขนาดเล็กของส่วนราชการที่ยังไม่ได้ถ่ายโอนให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งทอง เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 ให้เป็นทรัพย์สินขององค์การบริหารส่วนตำบลเพื่อสามารถบริหารจัดการและใช้ประโยชน์ได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน  

 

นายชวลิต ยอดวงกอง ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 บ้านเขวาตะคลอง เผยว่า “ก่อนหน้านี้พอฝายชำรุด น้ำกักไม่อยู่ พอถึงหน้าแล้งก็แห้ง เกษตรกรเดือดร้อนมาก ต้องใช้งบ อบต. ซื้อน้ำมันมาสูบน้ำใช้ หลังชาวบ้านปลูกข้าวเสร็จแล้วก็ไม่สามารถปลูกพืชหลังนาได้ แต่พอซ่อมฝายเสร็จ สัตว์เลี้ยงมีน้ำกิน เกษตรกรทำเกษตรหน้าแล้งและปลูกพืชอย่างแตงโมเสริมได้”

 

ด้านนายฐานิศร จันทะคาม ผู้ใหญ่บ้าน ม.9 บ้านโนนไร่ กล่าวเสริมว่า “น้ำจากฝายนี้สำคัญกับระบบประปาหมู่บ้านมาก ก่อนหน้านี้ต้องลุ้นทุกปีว่าจะมีน้ำใช้หรือไม่ บางช่วงน้ำขุ่น เครื่องสูบตันจนใช้งานไม่ได้ ต้องงดทำนาปรังเพื่อรักษาน้ำประปา แต่หลังฝายซ่อมเสร็จ คาดว่าจะมีน้ำใช้มั่นคง และยังอาจกลับมาทำนาปรังได้อีก”

 

นายภูริภัทร เกษกุ้มศรี ผู้ช่วยเจ้าพนักงานประปา องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งทอง เล่าว่า “กองช่างแบ่งหน้าที่ชัดเจน ประสานงานกับทุกฝ่าย ทำให้งานแล้วเสร็จเร็วกว่ากำหนด แล้วเราก็ออกแบบให้ใช้งานต่อได้อีก 20-30 ปี โครงการนี้ความร่วมมือถือเป็นกุญแจสำคัญ” 

 

ขณะที่นายถนอม คงสักบัน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งทอง กล่าวว่า “โครงการนี้สำเร็จได้เพราะเป็นความต้องการของชุมชนจริง ๆ ไม่ใช่ใครมาบังคับ ทุกภาคส่วนร่วมแรงกัน จึงถือเป็นการ ‘ระเบิดจากข้างใน’ ตามแนวคิดการพัฒนาชุมชน ต้องขอบคุณสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระฯ ที่ให้การสนับสนุน เชื่อว่าจะต่อยอดไปสู่โครงการพัฒนาอื่น ๆ ได้อีก”

 

การซ่อมแซมฝายน้ำล้นบ้านเขวาตะคลองครั้งนี้ ไม่เพียงคืนชีวิตให้กับแหล่งน้ำสำคัญของสองจังหวัด แต่ยังเป็นพลังร่วมของรัฐ ท้องถิ่น และประชาชน ที่ช่วยสร้างความมั่นคงด้านน้ำให้กับการเกษตร น้ำประปา รวมถึงการดำรงชีพในระยะยาว

 

ทั้งนี้ ในปี 2569 สรุปโครงการสำรวจชี้เป้า โครงการสำรวจ ออกแบบ ซ่อมแซมแหล่งน้ำขนาดเล็กของส่วนราชการที่ยังไม่ถ่ายโอนให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในพื้นที่ 21 จังหวัด มีเป้าหมายการสำรวจจำนวนทั้งสิ้น 1,911 แห่ง โดยสถาบันปิดทองหลังพระฯจะร่วมกับคณะอนุกรรมการประสานงานโครงการพัฒนาของสถาบันฯประจำจังหวัด ในการขับเคลื่อนงานอย่างต่อเนื่องต่อไป

#มูลนิธิปิดทองหลังพระ

ข่าวอื่นๆ

น่าน

น่าน

อุดรธานี

อุดรธานี

กาฬสินธุ์

กาฬสินธุ์

เพชรบุรี

เพชรบุรี

อุทัยธานี

อุทัยธานี

ขอนแก่น

ขอนแก่น

3 จังหวัด
ชายแดนใต้

3 จังหวัดชายแดนใต้

3 จังหวัด
ชายแดนเหนือ

3 จังหวัดชายแดนเหนือ