วันที่ 11 ธันวาคม 2568 มูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ และสถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) สังกัด สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมประชุมสรุปผลการดำเนินงานปี 2568 และวางทิศทางความร่วมมือในปี 2569 โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการ “นำศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติ” ควบคู่กับการใช้เทคโนโลยีและงานวิจัย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างยั่งยืน
นายวรยุทธ เนาวรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ กล่าวว่า ภารกิจของสถาบันครอบคลุม 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ การพัฒนาระบบน้ำ การส่งเสริมอาชีพ สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ โดยภารกิจด้านน้ำไม่เพียงทำตั้งแต่การสำรวจ ซ่อมแซม เสริมศักยภาพแหล่งน้ำ และการให้ความรู้เท่านั้น แต่ยังมุ่ง “ต่อยอดอาชีพหลังมีน้ำ” เพื่อให้ประชาชนมีรายได้มั่นคง ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคีหลายฝ่ายทั้งในพื้นที่และส่วนกลาง
ด้าน คุณวิราภรณ์ มงคลไชยสิทธิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. และผู้อำนวยการ สท. กล่าวเสริมว่า สวทช.เป็นองค์กรวิจัยที่มุ่งนำเทคโนโลยีและผลงานวิจัยลงสู่พื้นที่จริง (Technology-based) ซึ่งการทำงานร่วมกับปิดทองหลังพระฯ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านพื้นที่ (Area-based) ถือเป็น “การเติมเต็มซึ่งกันและกัน” ทำให้การถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีสู่เกษตรกรมีความลึกซึ้งและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ความร่วมมือของทั้งสองหน่วยงานในปี 2568 ครอบคลุมหลายพื้นที่ อาทิ การพัฒนา Cluster ผักปลอดภัย, การเพิ่มผลผลิต, โรงเรือนปลูกพืชคุณภาพต้นทุนต่ำ และช่องทางการตลาด ในจังหวัดขอนแก่นและกาฬสินธุ์ การส่งเสริมการผลิต ข้าวเมล็ดพันธุ์โภชนาการสูง ในอำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น , โครงการถ่ายทอดเทคโนโลยี การขยายพันธุ์ไผ่ซางหม่น การแปรรูป และการตลาด จังหวัดเชียงราย เป็นต้น โดยผลลัพธ์ในปี 2568 ทำให้เกษตรกรมีทักษะและองค์ความรู้เพิ่มขึ้น นำไปสู่คุณภาพผลผลิตที่ดีขึ้น ต้นทุนลดลง และรายได้เพิ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับทิศทางปี 2569 ทั้งสององค์กรยังคงเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จ โดยให้ความสำคัญกับการทำงานต่อเนื่องในพื้นที่เดิมเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืน และการขยายองค์ความรู้และเทคโนโลยีไปสู่ พื้นที่ลุ่มน้ำมูล 9 จังหวัด ที่ปิดทองหลังพระฯ ได้พัฒนาระบบน้ำและซ่อมแซมแหล่งน้ำไว้แล้ว โดยจะร่วมกันวิเคราะห์โจทย์ปัญหาเชิงลึกของแต่ละพื้นที่ เพื่อออกแบบอาชีพที่เหมาะสมในบริบทจริง
นอกจากนี้ยังมีการวางแนวทางความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ โดยทั้งสองหน่วยงานเห็นชอบขยายการพัฒนาไปสู่กลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุและเยาวชนกลุ่มเสี่ยง พร้อมบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานจังหวัดเพื่อผลักดันพื้นที่ต้นแบบเป็นศูนย์เรียนรู้ นอกจากนี้ยังเสนอจัดทำแผนความร่วมมือระยะ 5 ปี (2571–2575) เพื่อบรรจุในแผนบูรณาการและสร้างความต่อเนื่องเชิงนโยบายด้วย
19 ก.ค. 66
10 ต.ค. 65
26 ก.ย. 65